รู้หรือไม่? ปัจจุบัน สถิติชี้ว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปีทั่วโลก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

สถานการณ์โรคเบาหวานปัจจุบัน กลายเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากทั่วโลก โดยจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และกลายเป็นความท้าทายของวงการการแพทย์ทั่วโลก

เบาหวาน เบาหวานเกิดจากความผิดปกติในเซลล์ของร่างกายที่ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้กลายเป็นพลังงาน ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างโดยตับอ่อนและทำหน้าที่ในการส่งต่อน้ำตาลในเลือดได้

สาเหตุหลักของ โรคเบาหวาน ความผิดปกติของการรักษาสมดุลของคาร์โบไฮเดรตและน้ำในระบบของร่างกาย ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะที่ผลิตฮอร์โมนที่มีชื่อว่าอินซูลิน อินซูลินทำหน้าที่รักษาระดับน้ำตาลในเลือด โดยปราศจากอินซูลินแล้ว ร่างกายจะไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นกลูโคสได้ ดังนั้น น้ำตาลจะถูกสะสมในเลือดในปริมาณมากและจะถูกปล่อยออกผ่านปัสสาวะ ขณะเดียวกัน เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น จะทำให้การปรับสมดุลน้ำในร่งกายผิดปกติ โดยเนื้อเยื่อจะไม่สามารถดูดซึมน้ำได้ ทำให้น้ำถูกขับออกมาทางไต โดยการผลิตอินซูลินจะทำโดยตับอ่อน

อาการของโรคเบาหวาน

  • หิวน้ำ
  • เหนื่อยสะสม
  • ปัสสาวะบ่อย
  • ช่องปากแห้ง
  • ความอ่อนแอและเมื่อยล้า
  • เป็นโรคผิวหนัง
  • ปวดศีรษะ
  • หิวบ่อย
  • มีอาการคันตามร่างกาย
  • ง่วงนอน
  • บาดแผลหายช้า
  • น้ำหนักขึ้น

อาการบ่งชี้อื่นๆ

  • น้ำหนักเกิน
  • เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน
  • ปัสสาวะบ่อย
  • รู้สึกร่างกายไม่ตื่นตัว
  • ขาดแรงจูงใจ
  • ความดันสูง
  • ติดบุหรี่หรือติดเหล้า
  • อายุมากกว่า 40 ปี
  • เครียด

อันตรายของโรคคือผู้ป่วยอาจไม่มีอาการมาก่อน หากไม่ได้ศึกษาผลตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ

เบาหวานประเภทที่ 2 ต่างกับเบาหวานประเภทแรก คืออาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้

ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวว่ามีน้ำตาลในเลือดสูง โดยภาวะแทรกซ้อนอาจทำให้โรครุนแรงขึ้น ดังนี้:

  • ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด
  • อาการทางประสาท (มีความรู้สึกตามส่วนต่างๆของร่างกายน้อยลง ผิวหลังแห้งลอก)
  • ตับทำงานผิดปกติ
  • ปรากฏอาการตามเท้า เช่น แผลพุพอง ระคายเคือง
  • ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จากอาการติดเชื้อ เช่น เชื้อรา

รักอาการเบาหวานอย่างไร?

นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้พยายามหาคำตอบเรื่องนี้มาหลายปี โดยหลังจากทำการทดลองมา 3 ปี พบว่า 97%ของผู้ที่ทดลอง มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทดลองคือ DiaNot

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเล่าเกี่ยวกับรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

อเล็กซานเดอร์ คอฟสกี้

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน

จากการทดลองพบว่า เซลส์อินซูลินยังคงอยู่ ถึงแม้จะจบคอร์สการรักษาไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นการพิสูจน์ประสิทธิภาพของ DiaNot

ผลิตภัณฑ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้และไม่มีผลข้างเคียง โดยผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 จะไม่ต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินแต่อย่างใด ปัจจุบัน DiaNot รักษาอาการข้างเคียงจากโรคเบาหวานได้กับผู้คน 50 000 ทั่วโลก ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จาก 10 โมลขึ้นไป

95% ของผู้ที่ทดลองใช้ มีระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงเกิน 3,5-5,9 โมล/ลิตร ขณะที่ 93% ของผู้ป่วยโรคเบาหวานมีอาการดีขึ้นมาก ดังต่อไปนี้

  • ฟื้นฟูการทำงานของตับอ่อน
  • ความดันอยู่ในระดับปกติ
  • ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง
  • ฟื้นฟูเซลส์ร่างกาย
  • สภาพผิวหนังภายนอกดีขึ้น
  • ระบบร่างกายทำงานดีขึ้น
  • ปัสสาวะดีขึ้น รู้สึกกระหายน้ำลดลง
  • ร่างกายกลับมาเผาผลาญไขมันได้ตามปกติ
  • ความเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนอื่นๆลดลง


DiaNot สารสกัดจากพืชทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงค่าปกติ รวมถึงการผลิตอินซูลินของร่างกายด้วย


สูตรเฉพาะของ DiaNot ได้รับการจดสิทธิบัตร

  • รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติทันที
  • ทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้ตามปกติ
  • ตับออ่นทำงานดีขึ้น
  • ระดับกลูโคสน้อยลง

98% ของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ รู้สึกว่ามีสุขภาพดีขึ้นภายใน 30 วัน DiaNot ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ทางการแพทย์ในการรักษาอาการข้างเคียงของโรคเบาหวาน ให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

สั่ง
DiaNot บนเว็บไซต์ของผู้ผลิต

รับคำปรึกษาฟรี